วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าจากสาว "ไซด์ไลน์" (Side Line)



"เป็นเมียแสนดี และเป็น…บนเตียง”
เล่าจากปาก ”เอ๋” อดีตสาวไซด์ไลน์



ผู้ชาย ที่มาเที่ยวอ่าง พูดง่ายๆว่าอาบ อบ นวด ส่วนใหญ่ที่เอ๋เคยให้บริการมานับรวมๆก็ 1,500 คนขึ้นคะ จริงๆก็มีหน้าที่การงานที่โอเคนะ เงินเดือนก็สองหมื่นกว่าบาท แต่ครั้นจะบอกด้วยประโยคยอดฮิตสาวๆอ่างว่า “เพราะความจำเป็น” เอ๋ก็เชื่อว่า ส่วนหนึ่งนะคะ ย้ำว่าส่วนหนึ่ง ก็มีความจำเป็นจริงๆ ที่เหลือก็อยากได้นั่นๆนี่ๆ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนสาระพัดผ่อน ก็ทางนี้มันลัดคะ ในความเป็นจริงใครบ้างละ ที่อยากจะให้ผู้ชาย ใครก็ไม่รู้จักมา ”เอา” กับเรา อ้วนบ้าง แก่บ้าง ผอมบ้าง “หื่นโคตรๆ” บ้าง บางคนเวลาเอา “ก็กระหน่ำซะอย่างกะว่าจะให้พังไปข้าง” แลกกับความสะใจของพวกผู้ชาย แลกกันกับค่าตัว ”3500" ต่อครั้งคะ ที่อ่างก็เอาไป 1500 เราได้มา 2000 บาท/ครั้ง รวมทิปแต่ละครั้งจากแขกก็ได้วันหนึ่งๆเงินเกือบ 10,000 บาทคะ เดือนนึงหักวันที่มีเมนส์ออกไป เหนื่อยบ้างอะไรบ้างพักบ้าง ก็เราสาวไซด์ไลน์อะนะ เดือนนึงเนี่ยรายได้อย่างเดียว 180,000-200,000 บาท ต้องมีคะ ก็ทำปีครึ่งผ่อนรถหมด ผ่อนคอนโดหมด ก็เลยเลิก พอแล้ว…

ทำไมผู้ชายเที่ยวอ่างหรอ?

จากประสบการ์ณตรงที่เจอนะ ผู้ชายที่มีเที่ยวเนี่ยสรุปคร่าวๆมี3ประเภท

1. มาแบบว่า ”โคตรจะหื่นกระหาย” พวก นี้เวลา ”เอา” ไป ชอบให้เราพูดหยาบๆ “เอาแรงๆคะพี่” “พี่เอาโคตรมันส์เลย” “ของพี่ใหญ่มากหนูเจ็บ” อะไรพวกนี้เป็นต้น พวกนี้นะดูภายนอกเนี่ย บางคนดูสะอาดๆสุภาพ ยิ้มเเย้ม หน้าตาดี บางคนก็โคตรจะหล่อเลย เจอแบบนี้ข้างนอกให้ ”เอา” ฟรีก็ยอมนะ ฮ่าาา… แต่พออยู่ในห้องอะหรอ “เอา” อย่างกะคนอดอยากมาจากไหนไม่รู้ “กระแทกกระทั้น” ซะจน “จิ๊มิ” แทบจะพัง

พอเอาเสร็จนะ “เทพบุตร” คนเดิมก็กลับมา บอกตรงๆนะ ใครจะไปรู้ว่าหน้าตา แต่งตัวดีๆแบบนี้ “โคตรจะหยาบ โคตรจะหื่น” บางคนนะ
มา ถึงก็บอกว่า “เดี๋ยวพี่ทิปให้1,000เลย…ทำท่านั้นท่านี้ให้เค้าถ่ายรูป(ไม่เห็นหน้าตานะ ) ให้เราเอามือ ”แหกจิ๊มิ” มันดูโคตรจะสะใจเลยสำหรับเค้านะ พวกนี้อะประเภทแรกที่เจอบ่อยๆ พวกนี้ติ๊ปหนัก เพราะเราจะเสียเวลาในการบิ้วตามที่เค้าร้องขอนาน คือพูดง่ายๆ กว่าจะ ”เอา” ต้องบิ้วซะจนเค้าสุดๆอะ ถึงจะลงมือ ”เอา” ซะที

2.พวกนี้คือ ประเภท ”สักแต่ว่าก้มหน้าก้มตาเอา” พูดง่ายๆนะ เชื่อมั๊ยว่า “ผู้ชายอะนะ ชอบอะไรแต่ละอย่างเนี่ย เหมือนหนังโป๊เลย ยังไงยังงั้น”
บาง คนขอเสร็จที่ นม บางคนขอเสร็จที่ ”รักแร้” เชื่อปะ มีนะ บางคนขอเสร็จ “ใกล้ๆจิ๊มิอะไรแบบนี้” ก็ไม่รู้นะว่ามันจะทำให้เค้าได้อารมณ์สุดๆอย่างงั้นเลยหรอ แต่ก็ทำนะ “ทิปเยอะ” พวกนี้ พวกนี้พอเข้าห้องนะ ไม่เคยถามเล้ยว่าอะไรยังไง “ก้มหน้าก้มตาซอย” จะไปให้ถึง ”สุดซอย” อย่างเดียว “น้ำแตก” ก็จบ..พูดตรงๆถ้าเจอพวกนี้นะ สบาย..ไม่นานมากก็เสร็จ

3.พวก สุดท้ายคือประเภท ”เรื่อยๆมาเรียง” บอกตรงๆนะ พวกนี้เสียเวลามาก “นั่งลวนลาม” จับโน่นๆนี่ๆ พวกนี้จะเก๋าคือว่า ส่วนใหญ่แล้ว 1 รอบจะตกราวๆ 2 ชั่วโมงเป็นมาตรฐาน พวกนี้จะชวนคุยโน่นๆนี่ๆ บางทีก็ถามว่า ”เคยโดนเอาแบบไหน” “เคยโดนใหญ่ๆเอาปะ" พูดง่ายๆ ”สัมภาษณ์” ระหว่างสัมภาษณ์ก็ให้เรานวดบ้าง จับบ้าง จกบ้าง ซะคุ้มกินเวลาไปแล้ว หนึ่งชั่วโมง ค่อยไปเริ่มต้น ”เอากัน” เอาเสร็จรวม ”อาบน้ำ” ครบ2ชั่วโมงพอดี คือ พวกนี้จะเคี่ยว มี2ชั่วโมง ก็ใช้จนครบ2ชั่วโมงเต็มๆ


จาก100%ของประสบการณ์เอ๋ ทั้งได้ยินคุยกันเองบ้าง ทั้งจากคุยกะเพื่อนๆที่ให้บริการบ้างนะ “ผู้ชายเที่ยวอ่าง” เค้ามาเพราะ

1.”เปลี่ยน กลิ่น เปลี่ยนรส” พูดง่ายๆ เอากะแฟน เอากะเมียที่บ้าน นานๆมันเบื่อ มีของใหม่ๆแปลกๆก็ตื่นเต้น พูดง่ายๆ ”ตื่นเต้น” คำเดียว นี่คือสันดานของผู้ชายคะ อันนี้แทบจะทุกคนที่มาเที่ยว ลูกค้าบางคนนะ ก็มีมาติดบ้าง วนเวียนกลับมาหาเอ๋ อย่างมากก็ไม่เกิน ”3ครั้ง” แล้วก็หายไป
เนี่ยงัยถึงบอกว่า ส่วนใหญ่ผู้ชายเที่ยวอ่างเพราะเปลี่ยนรสชาด “สันดาน” อะนะ พูดตรงๆ

2.”แฟน หรือเมีย..ทำให้ไม่อิ่ม” หลายคนหน้าตาดี แต่งตัวดี โห..พูดโคตรจะหยาบเลย พูดง่ายๆว่า พวกนี้ไม่สามารถจะทำแบบนี้กับแฟนได้ เพราะฟอร์มเยอะ ต้องดูดี มีอิมเมจดีๆ ก็เลยมาหาที่ระบายตัวตนที่แท้จริงออกมา หลายๆคนก็มีเมียมีแฟนหมดแล้ว ฟังที่เค้าบ่นก็ว่าแฟนไม่ยอมให้เอาท่านี้ แฟนไม่ยอมพูดแบบนี้ แฟนไม่ยอมโน่นๆนี่ๆ คือพูดง่ายๆ ผู้ชายมันต้องการอะนะ แต่แฟนให้ไม่ได้ เหมือนคนอยากกินเเซบๆแต่ไม่ได้กินซะที ก็ต้องออกมาหากินนอกบ้าน

3.”แฟนหรือเมีย ไม่เอาใจ” จะบอกให้นะคะ นี่คือเหตุผลสำคัญเลยนะ ใครคิดว่า “โอ๊ย..ก็ทำงานมันเหนื่อยยังต้องมาเอาใจอีกหรอ” ผู้ชายอะนะ มันไม่ใช่ผู้หญิงหรอก เค้าก็ทำงานเหนื่อยเหมือนกัน แต่เค้าก็อยากให้แฟนเอาใจ ผู้หญิงให้บริการอะนะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “ให้บริการ”
พวกเราบริการตั้งแต่ถอดถุงเท้า พูดเอาใจ รับฟังเวลาเค้าบ่น “จะบอกให้ว่าลูกค้าจำนวนมากๆๆๆๆ มาบ่นเรื่องงาน เรื่องที่บ้าน” ให้พวกเราฟังเยอะมาก คือเค้าไม่รู้จะไปบ่นกับใครหรือระบายกับใคร ก็มาหาเรา หน้าที่เราคือ “รับฟัง” “ตั้งใจฟัง” และให้กำลังใจ ไอ้ครั้นจะบอกว่าใช่สิก็พวกเราได้เงินนิ อันนี้ก็ถูกคะ แต่ถ้าคุณเหนื่อยคุณไม่ทำ “เงินของเค้า..ก็จะมาอยู่กับเราคะ” แค่เนี้ย..รับได้ปะ พวกเราถอดถุงเท้าให้, เอาผ้าเย็นมาเช็ดตัวให้,อยากได้อะไรบอกมา นั่งเฉยๆ เดี๋ยวทำให้ รินเหล้า จุดบุหรี่, ถูหลังถูตัว และที่สำคัญนะคะ.. เวลาพวกเราอยู่ในห้องให้บรรดาแฟนๆหรือสามีพวกคุณ ”เอา” เรา เนี่ย..เราไม่เคยปริปากบ่น เราบิ้วโลมเลียให้ตั้งแต่ตาตุ่มถึงใบหู ต้องการแบบไหนบอกมา “พวกเราจัดเต็มคะ”

ดังนั้นข้ออ้างที่ว่า “ทำงานเหนื่อยแล้ว..ยังต้องมาเอาใจอีก” ก็เพราะคิดกันแบบนี้ มันก็ถูกคะ ไม่ผิดเลย แต่คุณอย่าลืมอย่างนะว่า “ผู้ชาย เค้าเป็นเพศที่ต้องการคนเอาใจ” ถ้าพวกคุณทำงานเหนื่อยแล้ว เรื่อง ”บนเตียง” คุณต้อง ”แซบด้วย” พูดง่ายๆว่า “เป็น…ไปเลยคะ” ก๊อปปี้สิ่งที่พวกเราทำ ถึงแม้จะไม่ได้ทุกครั้งนะคะ แต่ว่ามันต้องมีให้เค้าบ้างคะ

ที่เล่ามาต้องการแค่จะบอกว่า “ไม่ได้ประกันว่าถ้าพวกคุณเป็น…บนเตียงแล้ว” แฟนพวกคุณจะ ”ไม่มาเที่ยว” พวก เรานะ ยังไงเค้าก็มาคะ แต่มันจะน้อยลง หรือ ถ้าเค้ากลัวโรค เค้าอาจจะไม่มาเที่ยวอีกเลย อีกอย่างนะคะ “เป็น…บนเตียง ไม่ใช่คุณหนูนั่งบนวิมานนะคะ” เค้าอยากทำอะไร อยากได้อะไร ให้ไปเถอะคะ คนมันอยากอะนะ เราไม่ให้เค้าก็ไปหาที่ๆเค้าได้คะ กะเงินแค่ 2-3000 หรือไม่เกิน 5000 เค้าก็ได้แล้ว เดือนหนึ่งซัก 1-2 ครั้ง พวกเค้าก็พอถูไถไปคะ อย่าเอาความคิด ”ผู้หญิง” ไปหาเหตุผลผู้ชายคะ “ไม่มีทางได้คำตอบที่ถูกแน่นอน”

ทิ้งท้ายไว้ให้นะคะ “ผู้ชายต้องการเอากะคนที่ร่านบนเตียงคะ..ไม่ใช่เอากะแม่ชีหรือเทพธิดา” เพราะตอนเค้าหื่น “เค้ามันก็ซาตานดีๆนี่เอง” แบ่งปันกันนะคะ…

เอ๋

ตดเหม็นขนาดนี้ ไปขี้เถอะไป๊



ตด ถ้าลอยมาตามลม ถ้าใครได้ดมก็ ปาลัมปั่มปั๊ม !!!

จมูก มีไว้หายใจ ถ้าใครตดใส่ก็ ปาลัมปั่มปั๊ม !!!

ตูด มีไว้ปล่อยลม ถ้าใครก้มดมก็ ปาลัมปั่มปั๊าม !!!

ถั่ว กินมากไม่ดี ทั้ง บุรุษ สตรีก็ ปาลัมปั่มปั๊ม !!!



กำลังนอนดูหนังกะเมียเพลินๆ ท้องไส้ก็เกิดอาการแปลกๆ เหมือนแหวกฟ้าผ่าดิน ลงมา ดัง "ป๊าดดด"
ปกติเค้าว่ากันไว้ว่า "ตดเบาคนชัง ตดดังคนขำ" แต่มันใช้ในกรณีนี้ไม่ได้ เพราะมันมาทั้งเสียงทั้งกลิ่น
ยิ่งเปิดแอร์ด้วย กลิ่นหมาเน่าตลบอบอวลเต็มห้องเลย จนเมียไล่ให้ไป "ขี้"


ก็เลยมานั่งหาสาเหตุว่าทำไม "ตด" กูมันได้เหม็นขนาดนี้วะ ก็ได้เจอหลากหลายข้อมูล หลายบทความมาก แต่จะย่อมาให้ฟังสั้นๆละะกัน เผื่อจะมีใครสงสัยแบบเดียวกันบ้าง

สิ่งที่ทำให้ตดเหม็น มันมีสาเหตุ ประมาณนี้ คือ

1. ของที่กินเข้าไป มันมีกรดกำมะถัน ไปผสมกะแบคทีเรียในท้องมันเลยกลายเป็นแก๊สไข่เน่า

2. "ขี้" มันค้างอยู่ในท้อง เวลาตดออกมา ลมมันพัดผ่านขี้ก่อนออกมารูตูด จึงมาเอากลิ่นเหม็นของขี้ ออกมาด้วย


ถ้ายังอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับ "ตด" มากกว่านี้ ก็ลองดูรูปที่แนบมาด้วยได้เลยครับบบ...

สาระล้วนๆ












จบจ้า...



ฝันอยากเป็น "โคตรเซียน"



"โคตรเซียน" หรือ เกาจิ้ง ชื่อนี้ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักดี
ไม่ว่าจะเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ จากภาพยนต์จีนเกี่ยวกับการพนันเรื่อง "คนตัดคน" 
ที่ได้ โจวเหวินฟะ มาแสดงเป็น "โคตรเซียน" เซียนพนันผู้ไม่เคยแพ้ใคร ผู้ที่มีพรสวรรค์ทางด้านการพนันทุกรูปแบบ


แต่เกาจิ้งเองก็มีกฎอยู่ว่า

1.  ขาขึ้นให้สู้แบบหมาป่าหิวโหย

2.  ขาลงให้หนีแบบหมาวัดขาเดี้ยง

3.  ห้ามเสียดายเงินที่เสียไป - จุดจบของนักพนัน

4.  พึงจำไว้ทุกๆเกมส์มีจ้าวมือและลูกมือต้องแพ้ตอนจบ - จึงเป็นที่มาของการเล่นหน้าจ้าว

5.   เอาเงินที่พร้อมเสียมาเล่นเท่านั้น - ยกเว้นตอนมือขึ้นหรือขาขึ้น

6.   อย่าวัตถุนินยม - มีเงินเอาไปเปลี่ยนเป็นของทำให้เสียสภาพคล่อง อย่าลืมว่าสำหรับนักพนันเงินคือกระสุนที่ต้องมีพกตลอดเวลา

7.   เลี้ยงเพื่อนบ่อยๆเวลาเล่นได้ - เวลาเราหมดตูดยังการันตีว่าพอมีข้าวกิน ( เพื่อนเลี้ยง )

8.   ซุกเงินในที่ๆต่างๆเยอะ เช่น ในรถยนต์ วันดีคืนดีอาจเล่นจนลืมตัวไม่มีเงินเติมน้ำมัน

9.   อย่ามีครอบครัว

10.  อย่าเครียด - ถ้าเครียดดวงจะตก

11.  อย่าเมาหรือยุ่งกับผู้หญิงขณะเล่น ( สามสิ่งที่ไม่ควรเอามารวมกันในเวลาเดียวกัน  สุรา, นารี, กีฬาบัตร )

12.  อย่าเชื่อตัวเองมากไป

เป็นไงล่ะ โคตรเท่ห์เลย...


ย้อนไปสมัยเรียน ม.ปลาย พอได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็เกิดรู้สึก อยากเก่งแบบโคตรเซียนบ้างจัง ละยิ่งช่วงมัธยมนี่ เป็นช่วงเฮี้ยวเฟี้ยวฟ้าวเลย มีแอบครูเล่นไพ่กัน ในห้องบ้าง ตามตึกเก่าบ้าง ตึกใหม่ที่ยังไม่เปิดให้ใช้บ้าง สนุกสนาน ละหมดตูดกันไปตามๆกัน

เห็น "เกาจิ้ง" เล่นไพ่ละโคตรเท่ห์ พอลองนั่งเล่นเองกะเพื่อนๆ กลายเป็น "เกาดาก" ซะงั้น พกเงินไป รร. 100 นึง หมดตูดกลับบ้านประจำ

ช่วงนั้นจะมีพวก ขาย "วีดีโอโป๊'' ตามหนังสือพิมพ์ต่างๆในหน้าลงโฆษณาขายของ โดยให้เราส่ง ซองเปล่าติดแสตมป์ ไปให้ แล้วทางบริษัทจะส่ง แค็ตตาล็อก มาให้เราเลือกซื้อ

พอดีไปเตะตาโฆษณาอันนึง มีขาย วีดีโอ "เฉลยกลโกงไพ่" ม้วนละ 800 บาท โดยทั้งหมดมี 3 ม้วน ถ้าซื้อเป็นชุด จะลดเหลือ 2000 บาท ด้งยความที่ไม่อยากจะ "เกาดาก" อีกต่อไป และอยากเป็น "เกาจิ้ง" บ้าง จึงตัดสินใจทุบกระปุกไปซื้อมา สั่งโดยเก็บเงินปลายทาง

ไม่ถึง 1 สัปดาห์ วีดีโอ ก็ส่งมา เวลาจะดูก็ต้องรอให้ที่บ้านขึ้นนอนกันหมดก่อนละค่อย แอบเปิดดู
ใช้สูตรเดียวกะ ตอนดูหนังโป๊เลย 555+

ในวิดีโอสอนวิธี สับไพ่ ตีลังกาไพ่ วิธีเรียงไพ่ต่างๆ ทั้งของ ป็อกเด้ง เก้าเก ดัมมี่ ไว้หมด...
แต่ที่ทำง่ายที่สุดก็คงจะเป็น ป็อกเด้ง นี่ล่ะ ที่ยากๆก็ ฝึกใช้มือ ตีลังกาไพ่ ไว้ใช้ตอน ตัดไพ่
ฝึกอยู่นานก็เอาไปลองเล่นดูกะเพื่อนๆ

"หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม" คำนี้ใช้ได้กะทุกเหตุการณ์จริงๆ พอถึงเวลาเล่นไพ่เอาตังค์กันจริงๆ มือสั่นสิครับ กลัวจะตัดไพ่ละไพ่หลุดบ้าง กลัวโดนจับได้บ้าง
แต่ก็มีบางตาที่ทำได้เนียนๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ ( แต่น้อยมากๆ ) สรุปแล้วเงิน 2000 ที่เสียไป ไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ เพราะต้องมาฝึกเองให้คล่องๆอยู่ดี แถม "หมดตูด" กลับบ้านเหมือนเดิม

แต่มาสมัยนี้ เข้า ยูทู๊ป ก้มีสอนหมดเลยทุกอย่าง ตามแบบวิดีโอที่กูเคยดูเป๊ะ ( คิดละเสียดายตังค์ชิบหาย )


แล้วในโลกแห่งความเป็นจริง โคตรเซียนแบบ "เกาจิ้ง" นั้นมีหรือไม่ ???
แล้วถ้าเผื่อมี ใครคือสุดยอดแห่งนักเล่นโป๊กเกอร์คนนั้น ???

ตามประวัติศาสตร์ของโป๊กเกอร์โลกนั้น เขาแบ่งสุดยอดเซียนออกเป็นหลายอย่างนะครับ เพราะถ้าเอาคนที่มีชื่อเสียงลือลั่นมากที่สุดก็คืองไม่แคล้ว "อาร์ชี่ คาร์ราส" (Archie Karas) นักเล่นโป๊กเกอร์จากประเทศกรีซ ที่เดินทางมาที่ลาสเวกัสในเดือนธันวาคมปี 1992 ด้วยเงินในกระเป๋าเพียง 50 เหรียญ แต่ไปๆ มาๆ เขาเปลี่ยนเงินจำนวนเล็กน้อยที่ว่านี้ให้กลายเป็นเงินถึง 40 ล้านเหรียญได้ในเดือนมกราคมปี 1995
       
        ถามว่าเงินมากขนาดนี้มาจากไหน คำตอบก็คือ การวางเงินทุกตาแบบไม่อั้นหรือแทงมากสุดตามที่แต่ละโต๊ะอนุญาต การแทงแบบนี้ทำให้เขาเอาชนะนักพนันมากมายในโลกจนคาร์ราสได้ชื่อว่าเป็นนักเล่นกระเป๋าหนักที่สุดในโลก แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเขานานนัก เพราะในเวลาไม่ถึงสามสัปดาห์ เงิน 40 ล้านที่ว่าก็เสียไปทั้งหมดจากการพนันลูกเต๋า จนหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ค โพสต์ เรียกเขาว่าเป็น “Greatest Loss of all time” ไปเลย แต่กระนั้นก็ต้องบอกว่า ชีวิตของคาร์ราสก็ยังคงวนเวียนอยู่บนโต๊ะโป๊กเกอร์ เพียงแต่แทงพนันต่อตาน้อยลงเท่านั้นเอง
       
        หนึ่งในคนที่ดับซ่าอาร์ชี่ คาร์ราส ได้สำเร็จ มีนักเล่นโป๊กเกอร์ชาวกวางโจวคนหนึ่งที่อพยพจากจีนไปยังอเมริกาและยังถือเป็นเซียนโป๊กเกอร์จากเมืองจีนที่เก่งที่สุดที่โลกยอมรับด้วยครับ
       
        โคตรเซียนโป๊กเกอร์จากจีนคนนี้มีชื่อว่า "จอห์นนี่ ชาน" หรือ "เฉินเชี่ยนหนี" (Chen Qiangni) เจ้าของฉายา “ไอ้รถด่วนตะวันออก” หรือ The Oriental Express ผู้มีลีลาการเล่นที่เร้าใจที่สุดคนหนึ่ง ส่วนตัวผมเชื่อว่า เรื่องราวของโคตรเซียนเกาจิ้งนั้นน่าจะมีแรงบันดาลใจมาจาก จอห์นนี่ ชาน คนนี้อย่างแน่นอน
       
        จอห์นนี่ ชานนั้น เป็นชาวกวางโจวโดยกำเนิด เมื่อคอมมิวนิสต์ครองประเทศจีน เขาและครอบคัวก็อพยพมาที่ฮ่องกง ในปี 1962 ที่นี่เองที่เขาได้รับการฝึกฝนวิชาทางด้านการพนันก่อนที่ครอบครัวจะอพยพมาที่อเมริกาในปี 1968 พร้อมกันนั้นก็มีการตั้งร้านอาหารจีนขึ้นมาซึ่งคุณพ่อของเขาเป็นเจ้าของ ในที่สุด จอห์นนี่ ก็ได้สัญชาติเป็นอเมริกันสมบูรณ์แบบในปี 1973 พร้อมกับที่ครอบรัวของเขาย้ายมาตั้งรกรากที่ยูสตัน ในเทกซัสแทน
       
        เมื่ออายุ 21 จอห์นนี่ก็ตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยที่ยูสตันซึ่งเขาเรียนสาขาอาหารและการโรงแรม เพื่อออกมาเป็นผู้จัดการร้านอาหารของพ่อเขาอย่างเต็มตัว แต่ทำได้ไม่นานเขาก็ขอออกจากงานที่บ้าน ก่อนจะหันหน้าเข้าบ่อนและเป็นนักพนันมืออาชีพอย่างเต็มตัวด้วยความชื่นชอบต่อการเล่นโป๊กเกอร์เป็นการส่วนตัว
       
        ในวงการโป๊กเกอร์โลกนั้นมันต่างจากในหนังนะครับ เพราะกว่าจะได้ขึ้นมาเป็นเซียนนั้น นอกจากจะเล่นเอาเงินพนันในบ่อนแล้ว ที่วัดระดดับฝีมือได้มากที่สุดก็คือ การแข่งขันโป๊กเกอร์ชิงแชมป์โลกหรือที่เรียกว่า World Series of Poker (WSOP) ที่เป็นการแข่งขันแบบสะสมคะแนนซึ่งจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ยุค 70 โน่นแน่ะครับ ผู้เข้าแข่งขันนั้นจะมาจากหลากชาติจำนวนทั้งสิ้น 167 คน (ปีหลังๆ คนข้าแข่งขันเยอะกว่านี้มาก) แต่ละคนต้องมีเงินมาร่วมสมัครแข่งขันคนละ 10,000 เหรียญ แต่ส่วนใหญ่คนอเมริกันจะเป็นแชมป์รายการแข่งขันนี้เสียมากกว่า ก่อนหน้าที่จอห์นนี่ ชานจะเข้าแข่งขันก็ไม่เคยมีนักเล่นสายเลือดเอเชียอยู่ในทัวร์นาเม้นท์ดังกล่าวมาก่อน
       
        หลังวนเวียนอยู่บนโต๊ะโป๊กเกอร์อยู่เกือบสิบปี จอห์นนี่ ชาน ก็ได้เป็นแชมป์โลกโป๊กเกอร์ในปี 1987 ก่อนจะได้แชมป์อีกครั้งในปี 1988 เขาเกือบจะทำแฮตทริกคว้าแชมป์สามมสมัยซ้อนได้ แต่ก็ดันไปแพ้ต่อ "ฟิล เฮลมุธ" ในรอบชิงอย่างน่าเสียดาย เรื่องราวของ จอห์นนี่ ทั้งภาพและตัวของเขายังไปปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง Rounders ที่มี แม็ท เดม่อน กับ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน นำแสดง อีกด้วยนะครับ
       
        ใครเคยดูหนังเรื่องคนตัดเซียนนั้นก็คงจะรู้ว่า เกาจิ้ง นั้นแกมีนิศัยประหลาดๆ อยู่ ไล่มาตั้งแต่การทานช็อกโกแลตชนิดไม่กลัวอ้วน มีแหวนหยกใส่อาไว้แล้วหมุนเล่นระหว่างการคิด แถมยังมีพี่หลงอู่ซึ่งถือว่าเป็นเทพแห่งปืนคอยคุมเชิงไว้อยู่ด้วย เรื่องมันส์ก็คือ ตัวของ จอห์นนี่ ชาน มีอะไรคล้ายๆ ที่เกาจิ้งทำอยู่เหมือนกัน
       
        จอห์นนี่ ชาน แกจะมีส้มอยู่ผลหนึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ตัวแก ขณะที่นักพนันคนอื่นสูบบุหรี่และดื่มคอนยัคบ้าง วิสกี้ออนเดอะร็อกบ้าง ทว่า จอห์นนี่ ชาน จะเอาส้มมาหมุนบ้าง เอามาแกะไล่เป็นกลีบบ้างก่อนยัดเข้าปากไปเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย จอห์นนี่ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาเองถือว่าส้มนั้นเป็นเครื่องลางนำโชคของเขา และการทานส้มก็ถือว่าเป็รการช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงมากกว่าอย่างอื่น ตอนหลังจอห์นนี่เพิ่มจำนวนผลไม้เข้ามา โดยไม่อาแค่ส้มลูกเดียวแล้ว แต่เป็นชามผลไม้รวมซึ่งมีอยู่หลายอย่าง แต่ดูเหมือนชามที่บรรจุผลไม้มาเพียบนั้นจะไม่ได้ให้ผลทางด้านการพนันเท่าไหร่ เพราะ จอห์นนี่ ไม่เคยเป็นแชมป์โลกอีกเลย
       
        แต่กระนั้นตำนานของโคตรเซียนจอห์นนี่ ชาน ก็ยังไม่จบ เพราะในช่วงที่เขาเบื่อๆ กับการเล่นโป๊กเกอร์ เขาก็จัดการกับนักเล่นโป๊กเกอร์จอมซ่าที่สุดในประวัติศาสตร์ของโป๊กเกอร์โลกด้วยการเอาชนะ จอห์นนี่ คาร์ราส ในแม็ทช์ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของลาสเวกัสว่า ลงเล่นกันตาเดียวด้วยจำนวนเงินเยอะที่สุด
       
        แม็ทช์ที่ จอห์นนี่ ชาน เอาชนะ อาร์ชี่ คาร์ราส เกิดขึ้นในปี 1995 คล้ายๆ กับในฉากหนึ่งของหนังเรื่องคนตัดเซียนอยู่เหมือนกันครับ เพราะอาร์ชี่ คาร์ราส นั้นอาศัยการวางเงินเยอะๆ เพื่อทำให้คู่แข่งต้องหมอบ ต้องเข้าใจว่านักพนันโป๊กเกอร์ในโลกความจริงนั้น (ยกเว้นไอ้พวกที่เอาเงินคอรัปชั่นมาเล่นแถวๆ มาเก๊าหรือปอยเปต) นั้นไม่ได้วางเงินกันเยอะๆ ในแต่ละตานะครับ ไอ้ที่จะใส่กันทีละ 5 แสนเหรียญในตาเดียวเหมือนในหนังจีนนั่นก็ไม่มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เมื่อเจอผู้เล่นอย่างคาร์ราสที่แทงพนันเยอะเป็นบ้าในแต่ละตา โดยเฉพาะในตานี้เขาเล่นกันที่ 1 ล้านดอลล่าร์ (ถือว่าเป็นวงเงินสูงสุดในการเล่นตาเดียว) เซียนอย่าง จอห์นนี่ ชานก็เลยไม่มีเงินจะไปสู้ ดีที่ได้ ไลล์ เบอร์แมน นักพนันรุ่นพี่ที่อยากจะดับซ่าคาร์ราสเหลือเกินเอาเงินมาลงให้ ผลปรากฏว่า จอห์นนี่ เซียนเชื้อสายจีนก็จัดการขยี้คาร์ราสและเก็บ 1 ล้านดอลล่าร์นั้นกลับไปนอนอย่างสบายใจท่ามกลางความสะใจของนักพนันอาชีพในนั้นกันหมด ในปี 2oo2 จอห์นนี่ก็ได้รับการบรรจุเข้า โป๊กเกอร์ ฮอลล์ ออฟ เฟม ของอเมริกาเขานะครับ
     

และนี่คือโฉมหน้าของ "โคตรเซียน" ตัวจริงครับ




แต่ก็อย่างที่เค้าว่าเอาไว้ "การพนัน ไม่เคยทำให้ใครรรวย" นอกเสียจากเจ้ามือ

อย่างเพื่อนๆผม ก็หมดตัวไปกับการพนันก็หลายคน บางคนเสียรถ บางคนเสียบ้าง บางคนเสียเมีย อะไรก็หลากหลายรูปแบบ

เอาเป็นว่าเล่นพอ "หอมปากหอมคอ" ก็พอแล้วครับ
เล่นแค่พอได้ "ฝึกสมอง"ละกัน

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Sexy Lady

สาวไทย น่ารักไม่แพ้ชาติใดในโลก...

















หินเหล็กไฟ ตำนานวงร็อคแห่งสยามประเทศ Never Say Die



ใจ...สู้หรือเปล่า
ไหว...ไหมบอกมา
โอกาส ของผู้กล้า
ศรัทธา ไม่มีท้อ...!!!


ได้ยินเพลงนี้ทีไรมันทำให้รู้สึก ฮึกเหิมและมีกำลังใจ
เสียงดนตรีบาดลึกถึงขั้วหัวใจ บวกกับพลังเสียงของพี่โป่ง ฟังทีไรก็ทำให้รู้สึกคึกคักทุกที
ยิ่งฟังไปจิบเบียร์ไปนี่ สุดๆแล้ว

มาเปรี๊ยะ !!!


สำหรับวง หินเหล็กไฟ แล้ว หลายคงก็คงจะรู้จักกันดี หรือหาประวัติตามเว๊บต่างๆในกูเกิ้ล ได้ง่ายๆ
แต่วันนี้ เราจะมาดู เรื่องราวในอีกแง่มุมของ วงร็อคในตำนานของไทยวงนี้กันบ้าง
บางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลย ก็เป็นได้


1. หิน เหล็ก ไฟ เป็นวงร็อกวงแรกของประเทศไทยที่มียอดขายเกิน 1 ล้านก๊อปปี้ เพลงในชุดแรกชื่อชุด หิน เหล็ก ไฟ มีเพลงที่นำมาทำ MV ถึง 6 เพลง เริ่มด้วย ยอม, นางแมว, เพื่อเธอ, พลังรัก, สองคน และค้างคาวไฟ


2. ชื่อวงแรกเริ่มสมาชิกแต่ละคนได้ช่วยกันคิดดังนี้ โป่ง - บรึห์, โต - Immortal และ หนุมาน, ป๊อป - Stranger สุดท้ายเป็นคุณทิวา บก.สีสันเป็นผู้ตั้งให้ว่า หิน เหล็ก ไฟ หรือ Stone Metal Fire ชื่อย่อว่า SMF และออกแบบโลโก้โดยโต นำพล รักษาพงษ์

3. เพลงยอม คือ เพลงสุดท้ายที่ทำการบันทึกเสียงในอัลบั้มชุดแรก และมีการแก้ไขเนื้อเพลงท่อนแรกจาก "ตัวฉันเป็นเหตุ ..." เป็น "เพราะตัวฉันเอง ..." ซึ่งแก้ไขในห้องอัดก่อนทำการบันทึกเสียง เพลงยอม คือเพลงเปิดตัวเพลงแรกของหิน เหล็ก ไฟ และเรียบเรียงโดย โต หิน เหล็ก ไฟ โดยช่วงปี 2536 - 2538 ช่วงโซโลอินโทรเป็นหน้าที่ของโตเวลาแสดงสด แต่ภายหลัง ตั้งแต่ปี 2546 ที่คอนเสิร์ตทรัพย์สินทางปัญญา สวนลุมพินี เป็นป๊อป หิน เหล็ก ไฟ เป็นคนเล่นไลน์นี้จนถึงปัจจุบัน

4. ป๊อป หิน เหล็ก ไฟ เคยได้รับการทาบทามให้ไปเล่นกับวงแนว Heavymetal ประเทศเยอรมันนี โดยตัวแทนวงนั้นได้ส่งแฟกซ์มาเชิญที่ RS โดยตรง แต่ป๊อปตอบปฏิเสธไปว่า "ผมต้องทำหิน เหล็ก ไฟ"

5. โป่ง หิน เหล็ก ไฟ เคยกระโดดจากเวทีและขาเดี้ยงมาแล้วสมัยชุดแรกปี 2536 ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่ภาคใต้ ปกติเวลากระโดดไปคนดูจะชูมือรับไว้เหมือนที่เห็นจากวงในต่างประเทศ แต่ผิดคาดคนดูหลบ กระแทกลงที่พื้นอย่างแรง .... โป่งเดี้ยง ต้องเข้าโรงพยาบาลและต้องเลิกคอนเสิร์ตเร็วกว่าปกติ

6. ภายหลังที่โป่ง และรงค์ลาออกจาก The Olarn Project เพื่อทำหิน เหล็ก ไฟ โอ้ โอฬาร พรหมใจได้นักร้องคนใหม่ คือ บ๊อบ ธีระ คำภักดี จากคณะจินตามาร้องนำให้ทันที

ในปี 2536 ปีเดียวกันกับที่หิน เหล็ก ไฟออกชุดแรก The Olarn Project ก็ได้ร่วมออกอัลบั้มไตรภาคกับมาโนช พุฒตาล และ The Rain โดยบ๊อบได้บันทึกเสียงร้องในเพลง "ตำนาน" (ซึ่งบ๊อบก็ได้กลายเป็นนักร้องนำวงลาวาในเวลาต่อมา) ไม่นานต่อจากนั้น บ๊อบได้ขอลาออก โอ้โอฬารก็ได้นักร้องคนใหม่คือ อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ หรือ โจ้ ดีกรีนักร้องชนะเลิศ Coke Music Awards ปี 2538 มาร้องแทนบ๊อบที่ขอลาออกทันทีเช่นเดียวกัน โดยมีการเปิดตัวกับนิตยสาร บันเทิงคดีในปีเดียวกันและมีการทัวร์ตระเวนแสดงอยู่หลายเดือน แต่สุดท้าย โจ้ ก็ได้ลาออกไปร่วมงานกับ นอ นรเทพ ตั้งวง Pause ภายใต้สังกัดเบเกอรี่ มิวสิค และต่อมา The Olarn Project ก็ออกผลงานชุด ลิขิตดวงดาว ในปี 2539 โดยได้บอย เมาท์เท่น หรือ ฐิติชนม์ พึ่งอาศรัยร้องนำให้ สังกัดค่าย เพอร์เฟ็คเร็คคอร์ด จังหวัดชลบุรี (วง Mountain คือวงดนตรีวงแรกที่ปิงปอง มือกลองหิน เหล็ก ไฟ คนปัจจุบันสังกัดในอดีต)

7. รงค์เป็นผู้ค้นพบ ป๊อป ขณะที่ป๊อปไปเล่นกีตาร์ที่ห้องซ้อมของตนเอง โดยป๊อปอยากสัมผัสแอมป์มาแชลล์ เลยไปซ้อมที่ห้องซ้อมของรงค์ในเวลานั้น (ตอนนั้นป๊อปกำลังศึกษาที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ชั้นปีที่ 2 ประมาณปี 2532) หลังจากที่ได้ยินป๊อปเล่นกีตาร์ รงค์ก็ได้ขอเบอร์สำหรับการติดต่อ ซึ่งในเวลาต่อมาป๊อปก็ได้กลายเป็นสมาชิก มือกีตาร์คนสำคัญของหิน เหล็ก ไฟ

8. สมาน ยวนเพ็ง เข้ามาร่วมงานกับหิน เหล็ก ไฟ โดยการทาบทามของโต หิน เหล็ก ไฟ เพลงแรกที่น้าหมานสามารถเล่น 2 กระเดื่องได้คือ เพลงสู้ ก่อนหน้านั้นน้าหมานไม่เคยตี 2 กระเดื่องได้เลย เพราะที่เคยเล่นกับโตสมัยวง 50 Miles จะเป็นเพลง Blues ซึ่งไม่ได้ยากมาก

9. โป่ง หิน เหล็ก ไฟ แต่งเนื้อร้องเพลงแรก คือ เพลงกีตาร์พาฝัน สมัยทำวง โซดา อัลบั้ม คำก้อน ปี 2529

10. อัลบั้ม Never Say Die ของหิน เหล็ก ไฟ ที่วางแผงปี 2548 สะกดนามสกุล รงค์ ผิดเป็น สิริสานสุนทร ที่ถูกต้องคือ ศิริสารสุนทร

11. นามสกุล ของโต นำพล มือกีตาร์ที่ใช้ว่า รักษาพงษ์ ไม่ใช่นามสกุลจริง รวมทั้งที่ใช้ว่า เตียนสำรวย ในเครดิตอัลบั้มเดี่ยวของโป่ง Sexperience ก็ไม่ใช่เช่นกัน (นามสกุลจริงๆ จะนำมาบอกภายหลัง  )

12. รงค์ หิน เหล็ก ไฟ เป็นเซียนพระเครื่องตัวยง ในอดีตขุนทอง อสุนี เคยตั้งฉายาว่า เฮฟวี่พุทโธ ปัจจุบันเปิดตลาดพระเครื่องย่านสายไหม

13. หิน เหล็ก ไฟ มีการใช้คีย์บอร์ดครั้งแรกในอัลบั้ม Never Say Die และใช้เพียง 2 เพลงคือ ศรัทธา และ สัญญา

14. อัลบั้ม Acoustiqe บันทึกเสียงกลองโดย เล็ก ทีโบน อัลบั้มชุดนี้แรกเริ่มนั้นเกือบจะได้ใช้ชื่ออัลบั้มว่า Acoustica หรือ Acoustic ตรงๆ สุดท้ายใช้ชื่อว่า Acoustique ซึ่งเป็นการผสมคำระหว่าง Acoustic รวมกับคำว่า Antique (ที่แปลว่าของเก่าลายคราม) ** อย่างไรก็ดีในภาษาฝรั่งเศสสะกดคำว่า Acoustic เป็น "Acoustique" ซึ่งมีความหมายเดียวกัน

15. หิน เหล็ก ไฟ ไม่เคยมีคอนเสิร์ตใหญ่แบบวงเดียวแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าไม่มีจริงๆ เมื่อนับตั้งแต่ปี 2536 ที่ผ่านมาจะเป็นคอนเสิร์ตแบบรวมหลายวง เช่น Short Charge Shock และ Trilogy Rock Concert (ทั้งนี้ไม่นับคอนเสิร์ต รวมพลคนหิน เหล็ก ไฟ SMF Meeting Concert ที่จัดไปเมือ 10 กันยายน 2548 ที่หอประชุม AUA ที่เป็นสเกลเล็กๆ ที่จัดโดยแฟนเพลงเฉพาะกลุ่ม)

16. ปกอัลบั้ม Never Say Die แรกเริ่มนั้นไม่ได้เป็นแบบนี้ (ที่เป็นโลงศพ) จะเป็นภาพสมาชิกทั้ง 5 คน ยืนเรียงกัน โดยภาพจะเป็นภาพขาวดำ

17. Music Video เพลงสิบปากว่า เป็น MV ลงทุนมากที่สุดของหิน เหล็ก ไฟ คือหลักล้านบาท และ MV เพลงนี้ได้รับรางวัล Music Video Awards ประเภทเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมประจำปี 2548 -2549

18. เพลง ฉันไม่ใช่ (ที่ระบาย) แรกเริ่มตั้งชื่อเพลงว่า ฉันไม่ใช่ แต่เนื่องจากชื่อไปซ้ำกับเพลง ฉันไม่ใช่ ของ The Sun เลยเพิ่มคำว่า (ที่ระบาย) ต่อท้าย

19. ป๊อป หิน เหล็ก ไฟ เคยโยนกีตาร์ยี่ห้อ Suhr สีเขียว พิคการ์ดขาวไปกลางอากาศ แต่สุดท้ายรับไม่ได้หรือรับไม่ทัน ทำให้กีตาร์ที่เล่นนั้นตกลงมากระแทกเวทีอย่างแรง (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนคอนเสิร์ตๆ SMF Meeting Concert รวมพลคนหิน เหล็ก ไฟ 10 กันยายน 2548 ณ AUA Hall) เจ้าตัวบอกว่า "อินน์จัด โยนไกลตัวไปหน่อย ไม่เป็นไรซ่อมได้..."

20. โป่ง หิน เหล็ก ไฟ เคยเป็นนักเขียนในนิตยสารบันเทิงคดี โดยได้เขียนนิยายชื่อ "สัญญาปิศาจ" เป็นเรื่องราวของดนตรีร็อก มีตัวละครที่เป็นนักดนตรีร็อกตัวจริง เช่น แหลม มอริสัน กิตติ กีตาร์ปื่น ป๊อป หิน เหล็ก ไฟ เป็นต้น แต่เขียนได้เพียง 6 ตอน ก็ต้องหยุดไป เพราะนิตยสารบันเทิงคดีรอบล่าสุดที่ออกช่วงกลางปี 2556 ต้องปิดตัวไป ตีพิมพ์เพียง 6 เล่มเท่านั้น โป่ง หิน เหล็ก ไฟ อยากจะสร้างหนังเกี่ยวกับเพลงร็อกในอนาคต

21. รงค์ หิน เหล็ก ไฟ เป็นมือเบสที่มีกีตาร์ยี่ห้อดีๆ มากมายหลายสิบตัว รงค์เคยขาย Gibson Lespaul สี Sun Burst ให้กับตุ้ย Hi-Rock ในราคาเบาๆ

22. หิน เหล็ก ไฟ เคยนำเดโมไปเสนอกับค่ายแกรมมี่และเต๋อ เรวัต พุฒินันทน์ อดีตโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับโป่งตั้งแต่ยุควงโซดา แต่แกรมมี่บอกต้องปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่าง สุดท้ายหิน เหล็ก ไฟ รับเงื่อนไขไม่ได้เลยไปเสนอกับอาร์เอส และได้ออกผลงานชุดแรกในที่สุด

23. เพลง สิบปากว่า ในอัลบั้ม Never Say Die คือเพลงที่ป๊อปเคยทำดนตรีไว้ตั้งแต่ในอัลบั้มชุดแรกปี 2536 แต่โป่งไม่ได้เลือกไปใช้ในอัลบั้ม สุดท้ายได้นำมาบรรจุไว้ในชุด Never Say Die ในปี 2548

24. โต หิน เหล็ก ไฟ เคยเป็นมือกีตาร์ของ กิตติ กีตาร์ปืนมาแล้วในชุด สายธารใต้ขุนเขา เมื่อปี 2532 ก่อนจะมาทำหิน เหล็ก ไฟ และออกชุดแรกในปี 2536

25. โป่ง หิน เหล็ก ไฟ เคยตัดผมล่าสุดเมื่อปี 2548 ในอัลบั้ม Never Say Die ตอนนั้นตัดออกถึง 8 นิ้ว

26. นักร้องลูกทุ่ง ฝน ธนสุนทร นักร้องค่ายแกรมมี่ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล และนักแสดงชื่อดัง ปีเตอร์ หลุยส์ ไมอ๊อกชิ คือแฟนคลับตัวยงของหิน เหล็ก ไฟ โดยเฉพาะปีเตอร์ หลุยส์ ไมอ๊อกซิ เคยไปร่วมงาน SMF Meeting Party 3 มาแล้วที่ Overtone RCA

27. วง Y Not 7 เคยใช้เพลง "นางแมว" ของหิน เหล็ก ไฟ สำหรับออดิชั่นเพื่อออกผลงานชุดแรกกับแกรมมี่

28. หิน เหล็ก ไฟ เคยจำวันเล่นคอนเสิร์ตผิด วันนั้นทั้งทีมงานและศิลปินได้เตรียมตัวและเดินทางไปทำการแสดงที่ผับแห่งหนึ่งย่านซอยนานา พอไปถึงทีมงานก็เริ่มขน และเตรียมอุปกรณ์เพื่อจะติดตั้ง ทำเอาเจ้าของร้านและผู้จัดการทำหน้าตกใจแบบงงๆ โดยผู้จัดการร้านเดินมาบอกว่า "พี่ๆ ครับ ถูกต้องครับพี่ๆ หิน เหล็ก ไฟเล่นวันนี้ แต่เป็นเดือนหน้าครับ ..." แป่ววววว

29. พิทักษ์ ศรีสังข์ มือเบส The Sun และ The Olarn Project เป็นคนที่เล่นฟุตบอลแบบเอาจริง เอาจังมากๆ เจ้าตัวเคยบอกว่าหากไม่ได้เล่นดนตรี จะไปคัดตัวเป็นนักฟุตบอลสโมสร หรือทีมชาติ ครั้งหนึ่งเคยก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเป็นของตนเองและจริงจังถึงขั้นส่งทีมแข่งขันในรายการต่างๆ มาแล้ว ชื่อสโมสรว่า "The Sun FC"

30. ป๊อป และ ปิงปอง หิน เหล็ก ไฟ เคยเป็นสมาชิก The Olarn Project มาแล้ว ในช่วงที่ The Olarn Project ออกอัลบั้มครบรอบ 15 ปี (ปี 2545) ชื่อชุด The Olarn Classic โดยในอัลบั้มดังกล่าว ป๊อปได้เรียบเรียงเพลงทั้งหมด 3 เพลงคือ ขอบคุณ กำจัดมัน และเพลงบรรเลงครั้งแรกคือ เงินบนดาวอังคาร ส่วนปิงปอง ทำเพลงบรรเลงกับมือเบสพิทักษ์ ศรีสังข์ในเพลง Bass & Drums Feel

31. รงค์ หิน เหล็ก ไฟ คือคนที่ใช้เบส WARWICK คนแรกๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะรุ่นที่บอดี้เป็นไม้ที่รงค์มักใช้งานบ่อยๆ นั้น เป็น 1 ใน 100 ตัวของ WARWICK ที่ผลิตทั่วโลก ส่วนสงวนราคาในเวลานี้คงหนักเอาการ

32. โต หิน เหล็ก ไฟ เคยร้องเพลง "หลงกล" มาแล้วในงาน SMF Meeting Party ครั้งที่ 1 ณ สยาม ฟูบาร์ เมื่อปี 2548 ทำเอาแฟนเพลงอึ้งตามๆ กัน เพราะเสียงดี สามารถเป็นนักร้องได้สบาย

33. โป่ง หิน เหล็ก ไฟ เป็นคนที่ชอบเล่นกล้องมากๆ เมื่อว่างเว้นจากการร้องเพลงก็มักจะใช้กล้อง DSLR ถ่ายรูปต่างๆ รวมทั้งถ่ายวิดีโอแล้วนำมาตัดต่อได้อย่างน่าสนใจ


ขอขอบคุณข้อมูลจากเพจ หินเหล็กไฟ เพจหลักอย่างเป็นทางการของวง เป็นอย่างสูงด้วยครับ




ทำไมไม่ทำให้ตาย !!!

ทำไมไม่ทำให้ตาย...!!!


สมัยประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เกือบๆ 20 ได้มั้ง ถ้าได้ยินเสียงอินโทรเพลงนี้ขึ้นมา คงไม่มีใครไม่รู้จักพลังเสียงของผู้ชายคนนี้ "เป้ ไฮร็อก"


นักร้องซึ่งถูกยกให้เป็น นักร้องที่เสียงสูงที่สุดในประเทศไทย ในสมัยนั้น

มีเสียงแหบแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พร้อมด้วยฝีมือการเล่นกีตาร์ที่ไม่แพ้ใคร โดยมีเพลงเด่นๆเช่น
"กระจกร้าว" 
"กว่าจะรู้สึก" 
"เกินห้ามใจ"
และอื่นๆอีกมากมายหลายเพลง

ซึ่งแต่ละเพลงพลังเสียงพี่แก แหลมเปี๊ยวกะเจี๊ยวโด่มาก
ทำให้คนร้องตาม หรือว่าคนที่หัดร้องเพลง ท้อไปได้หลายวัน
บางคนหัดร้องตามจนเสียงแหบเสียงแห้งไปก็มี

เอาเป็นว่าร้องตามโคตรยากก็แล้วกัน
ส่วนใครที่ยังไม่เคยฟังก็ลองไปฟังกันดูได้นะจ้ะ
กดด้านล่างโลด...



                                                   

หนึ่งชีวิต หนึ่งใจมอบให้เพียงเธอ กลับต้องเจอหัวใจเธอเปลี่ยน
เปลี่ยนไปมีใครอีกคน เข้ามาทำลาย เมื่อหมดความหมายจะอยู่เพื่อใคร โว โฮ...!!

* ปักคมมีดกรีดกลางใจ แช่เกลือไว้ให้ตายทั้งเป็น
ไม่นึกว่าเธอเลือดเย็น สร้างความปวดร้าวขนาดไหน
เจ็บจำต้องฝืนทน ให้กับคนที่ไม่มีใจ
เมื่อเธอต้องไปปล่อยคนใกล้ตายให้จมอยู่กับความหวัง...ทำไมไม่ทำให้ตาย !!!

   อย่ามาคิด ว่าชีวิตคนคนหนึ่ง มีค่าเพียงแค่เธอต้องการ
จบกันก็เดินจากไปไม่มาใยดี ทำกันอย่างนี้มันเจ็บนะเธอ  โว  โฮ...!!

* ปักคมมีดกรีดกลางใจ แช่เกลือไว้ให้ตายทั้งเป็น
ไม่นึกว่าเธอเลือดเย็น สร้างความปวดร้าวขนาดไหน
เจ็บจำต้องฝืนทน ให้กับคนที่ไม่มีใจ
เมื่อเธอต้องไปปล่อยคนใกล้ตายให้จมอยู่กับความหวัง...ทำไมไม่ทำให้ตาย !!!


ปล.ร้องจบกูก็แทบตายล่ะ
ณ ปัจจุบันนี้ ห้ามชวนร้องเด็ดขาด กูกลัวขาดใจตาย

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เฮ้ย !!! เลี้ยงเบียร์กูหน่อย



เฮ้ย !!! มึงว่างป่ะ มาเลี้ยงเบียร์กูหน่อย
ประโยคนี้หลายๆคนคงจะเคยพูด หรือเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาแล้ว

ผมเองก็เคยทั้งสองอย่าง แต่จะเน้นให้เพื่อนเลี้ยงซะมากกว่า (เมาฟรี ลูกหมาป่า)

กินทีไรก็เมาทุกที ใครไม่เมาสิแปลกคน

แต่เพื่อนผมคนนึงนี่ "เมาแล้วเรื้อน" เมาไม่ได้สติ นอนไหนก็ได้ บางทีก็ป้ายรถเมล์บ้าง กองทรายบ้าง ตามพุ่มไม้บ้าง ดีหน่อยก็ห้องเพื่อน

ไอ้เรานี่ก็เมาทีไรตื่นมาก็จำอะไรไม่ค่อยได้ซักที ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาบ้าง องค์ลงรึเปล่า
ไม่ก็ไปม่อเมียใครเค้าไว้ ผัวเค้าจะมาเอาคืนตอนไหน

แต่นั่นคือเรื่องในอดีตครับ ปัจจุบันผมเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว กินเบียร์เพื่อสุขภาพก็พอ

กินยังไงให้ได้สุขภาพดี ???
ก็คือกินน้อยๆพอให้เลือดลมมันเดินก็พอ


ประโยชน์ของเบียร์ก็มีมากมายเลย มีอะไรบ้างลองไปดู

1.ป้องกันโรคหัวใจ จากการศึกษาของนักวิชาการพบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ 40 - 60% แต่ควรดื่มไม่เกินครึ่งลิตรต่อวัน 

2.ช่วยลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต สารที่มีประโยชน์ในเบียร์สามารถช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน จึงช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต 

3.ช่วยลดความดันโลหิต แพทย์ชาวฮอลแลนด์ และจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดค้นพบว่า การดื่มเบียร์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ 

4.ป้องกันเบาหวาน ผู้ที่ดื่มเบียร์มีจำนวนน้อยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เหตุผลก็คือ เบียร์ทำให้ร่างกายสามารถปรับฮอร์โมนอินซูลิให้ความทรงจำดี   นักดื่มเบียร์จึงไม่ค่อยเป็นโรคอัลไซเมอร์ 

5.ช่วยให้กระดูกแข็งแรง เบียร์ให้ผลดีต่อกระดูก สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ แต่ได้ผลเฉพาะกับหนุ่มสาวเท่านั้น 

6.ช่วยให้อายุยืน จากการศึกษามากกว่า 50 สำนัก พบว่า ผู้ที่ดื่มเบียร์วันละ 1 - 2 แก้วมักจะมีอายุที่ยืนยาว เนื่องจากเบียร์มีสารปกป้องหัวใจ 

7.ป้องกันท้องร่วง โมเลกุลในเบียร์มีส่วนประกอบเหมือนกันกับกรดนม และน้ำส้มสายชู สารที่ว่านี้ขัดขวางเชื้อโรคในลำไส้ ที่เป็นสาเหตุของท้องร่วง  ไม่ให้แพร่เชื้อจนท้องเสีย

8.ต้านความเครียด นักวิชาการจากมหาวิทยาลัย Montreal ค้นพบว่า คนทำงานที่ได้ดื่มเบียร์บ้างเป็นครั้งคราวมีความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเบียร์ 

9.ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี และในไต นักวิชาการจากเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ค้นพบว่าการดื่มเบียร์วันละหนึ่งขวดก็จะได้รับแมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคนิ่วในไตได้ถึง 40% 

10.ป้องกันโรคนอนไม่หลับ สารจากดอก Hops ในเบียร์เปรียบเสมือนยานอนหลับจากธรรมชาติ ช่วยให้ประสาทผ่อนคลาย ดังนั้น การดื่มเบียร์หนึ่งแก้วในตอนเย็นจึงเหมือนกับการกินยานอนหลับ 

11.ช่วยต้านมะเร็ง เบียร์มีสารโพลีฟีนอยด์ที่จะช่วยป้องกันมะเร็ง โดยการดักจับอนุมูลอิสระตัวร้ายออกจากร่างกาย สารโพลีฟีนอยด์หลักก็คือ Xanthohumol ซึ่งมีข้อดี คือ ช่วยยับยั้งโปรตีนที่ช่วยในการพัฒนาการของมะเร็ง

12.ช่วยให้ผิวสวย ในเบียร์มีวิตามินสูง เช่น Pantothenic Acid วิตามินบี 3 และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ช่วยสร้างคอลลาเจน และเม็ดสี ผิวจึงเรียบเนียน และอ่อนนุม 


รู้อย่างนี้แล้ว จะรออะไร มาสิครับ

มาเลี้ยงเบียร์กูได้แล้ว...



ภาพสาวน่ารักเซ็กซี่ ขยี้อารมณ์

ไม่มีอะไรมาก ดูรูปสาวๆ น่ารักเซ็กซี่ กันดีกว่า...